การจัดการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (Community-Based Flexible Learning) คือแนวทางการศึกษาที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตและต้นทุนทางวัฒนธรรมของชุมชน เพื่อสร้างการเรียนรู้ที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน โดยมีองค์ประกอบสำคัญดังนี้:

1. หลักการสำคัญ

ชุมชนคือห้องเรียน: ใช้แหล่งเรียนรู้ที่มีอยู่ในท้องถิ่น เช่น ปราชญ์ชาวบ้าน สถานประกอบการ หรือทรัพยากรธรรมชาติ เป็นพื้นที่จัดกระบวนการเรียนรู้ [1, 2]

ความยืดหยุ่น (Flexibility): ปรับเวลา สถานที่ เนื้อหา และวิธีการประเมินผลให้เหมาะกับบริบทและความต้องการของผู้เรียนแต่ละบุคคล [3]

การมีส่วนร่วม: ให้คนในชุมชนเข้ามามีบทบาทในการออกแบบหลักสูตรและเป็นผู้สอนร่วม [2, 4]

2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้

Problem-Based Learning: ตั้งโจทย์จากปัญหาจริงในชุมชนเพื่อให้ผู้เรียนร่วมกันหาแนวทางแก้ไข [1, 3]

Place-Based Education: เน้นการสร้างความผูกพันระหว่างผู้เรียนกับท้องถิ่นผ่านการศึกษาประวัติศาสตร์และภูมิปัญญา [2]

Work-Integrated Learning: เรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติงานจริงในกิจการของชุมชน [4]

3. ประโยชน์ที่ได้รับ

ผู้เรียน: เกิดทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพในพื้นที่และมีทัศนคติที่ดีต่อบ้านเกิด [3]

ชุมชน: ได้รับการพัฒนาผ่านองค์ความรู้ใหม่ๆ และเกิดความเข้มแข็งจากการร่วมมือกัน [1, 4]

ความยั่งยืน: ลดการย้ายถิ่นฐานของเยาวชนและรักษาภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่ [2]

คุณสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมหรือแนวทางปฏิบัติได้ที่ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ซึ่งมีโครงการสนับสนุนการจัดการเรียนรู้เชิงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง