2568 Soft power นวัตกรรมผ้าทออีสาน : โครงการยกระดับอัตลักษณ์ผ้าทอพื้นถิ่นบ้านหนองสังข์เพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจชุมชนด้วยเทคโนโลยี   0


รายงานความก้าวหน้า

ไตรมาส ผลการดำเนินงาน งบประมาณที่ใช้ ผู้รับบริการ
4 [20584]

โครงการนวัตกรรมผ้าทออีสาน Soft Power บ้านหนองสังข์ : การยกระดับอัตลักษณ์ผ้าทอพื้นถิ่นบ้านหนองสังข์เพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจชุมชนด้วยเทคโนโลยี
จากประเด็นปัญหา : การตลาดของผลิตภัณฑ์ผ้าทอท้องถิ่นของชุมชนในปัจจุบันที่จำหน่ายในพื้นที่ไกล้เคียงเท่านั้น และความต้องการของชุมชน : มีความต้องการและจำเป็นในการพัฒนาการตลาด รวมถึงต้องการการสร้างเบรนต์สินค้าโดยใช้ความเป็นความเอกลักษณ์หรืออัตลักษณ์ของผ่าทอท้องถิ่น เป็นจุดขาย นำมาซึ่งการำเนินงานพัฒนา ภายใต้วัตถุประสงค์ 3 ข้อ ได้แก่
1. เพื่อพัฒนาอัตลักษณ์การย้อมและการทอผ้าทอพื้นถิ่นของบ้านหนองสังข์ ให้เป็น Soft Power โดยใช้ทุนทางสังคมของท้องถิ่นมาบูรณาการกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) และความต้องการของตลาดผู้บริโภค
2. เพื่อยกระดับการย้อมและการทอผ้าพื้นถิ่น Soft Power บ้านหนองสังข์ตามแนวมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) หรือมาตรฐานชุมชนที่เกี่ยวข้อง และความต้องการของตลาดผู้บริโภค โดยการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.)
3. เพื่อยกระดับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นถิ่น Soft Power บ้านหนองสังข์ ให้มีความเป็นสากล หรือทันสมัย บนพื้นฐานของความต้องการของตลาดผู้บริโภค โดยใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.)
โครงการนัดำเนินการโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กัญลยา มิขะมา สังกัดคณะเกษตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนครพนม หัวหน้าโครงการ พร้อมด้วยคณะทำงานโครงการ ประกอบด้วย นายสมพร กงนะ (นักวิชาการศึกษา) ผศ.ดร.กิตติ์ธนัตถ์ ญาณพิสิษฐ์ มหาวิทยาลัยกาฬสินธ์ และ รศ.ดร.ยศ บริสุทธิ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมทีมผู้ช่วยนักวิจัย จากการจัดกิจกรรมที่ผ่านมาตามแผนคือ 1. พัฒนาอัตลักษณ์การย้อมและการทอผ้าทอพื้นถิ่นของบ้านหนองสังข์ ให้เป็น Soft Power โดยใช้ทุนทางสังคมของท้องถิ่นมาบูรณาการกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) และความต้องการของตลาดผู้บริโภค โดยดำเนินการใน กิจกรรมย่อยคือ 1.1 จัดเวทีระดมสมอง ทบทวน และถอดองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นว่าด้วยอัตลักษณ์ผ้าทอพื้นถิ่นของบ้านหนองสังข์ ที่สามารถนำมาบูรณาการเป็น Soft Power แผนกิจกรรมที่ 2. ยกระดับการย้อมและทอผ้าทอพื้นถิ่น Soft Power บ้านหนองสงสังข์ตามแนวมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน(ผมช.) หรือมาตรฐานชุมชนที่เกี่ยวข้อง และความต้องการของตลาดผู้บริโภค โดยการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) โดยดำเนินการในกิจกรรมย่อย 2.1 จัดเวทีระดมสมอง ทบทวน และถอดองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นว่าด้วยเทคนิคและวิธีการทอผ้าทอพื้นถิ่นของบ้านหนองสังข์ เพื่อยกระดับ Soft Power ของบ้านหนองสังข์ให้มีคุณภาพ และเสนอรับรองมาตรฐาน มผช. ของกระทรวงอุตสาหกรรม และกิจกรรมที่ 3 ยกระดับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นถิ่น Soft Power บ้านหนองสังข์ ให้มีความเป็นสากล หรือทันสมัย บนพื้นฐานของความต้องการของตลาดผู้บริโภค โดยใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ให้มีความเป็นสากล หรือทันสมัย โดยดำเนินการในกิจกรรมย่อย 3.1 จัดเวทีระดมสมอง ทบทวน และถอดองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นว่าด้วยเทคนิคและวิธีการแปรรูปผ้าทอพื้นถิ่นของบ้านหนองสังข์ เพื่อยกระดับ Soft Power ของบ้านหนองสังข์ (ในส่วนกิจกรรมที่ 3 ซึ่งมีกิจกรรมย่อยคือ 3.2 สำรวจความต้องการของตลาดผู้บริโภคถึงลักษณะของผลิตภัณฑ์ผ้าทอแปรรูปที่มีความเป็นไปได้ทางการตลาด ของผ้าทอท้องถิ่น Soft Power ของบ้านหนองสังข์ และกิจกรรม และนำผลการดำเนินงานที่ผ่านมาทั้งหมด (1.1-1.2 และ 2.1-2.3 รวมถึง 3.1-3.2) มาบูรณาการ วทน. เพื่อออกแบบและพัฒนาในการการแปรรูปผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นถิ่น Soft Power บ้านหนองสงสังข์โดยใช้ วทน. ด้านการตลาด3.3 ดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยีการแปรรูปผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นถิ่น Soft Power บ้านหนองสังข์ โดยใช้ วทน. ด้านการออกแบบจะมีการดำเนินการภายหลังมีการถ่ายทอดเทคนิคการย้อมและการทอ) ในวันที่ 15-16 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมานั้น ซึ่งได้แนวทางในการพัฒนาการผลิตหลัก 3 ประเด็น ได้แก่ 1) การพัฒนาผ้าขิดลายจกหีแข่ เพื่อรักษาเอกลักษณ์และเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ 2) การพัฒนาผ้าฝ้ายมัดหมี่ โดยเน้นคุณภาพและความหลากหลายของลวดลาย 3) การพัฒนาผ้าจ่องเอื้อซึ่งเป็นผ้าพื้นถิ่นสำคัญ เพื่อส่งเสริมการผลิตและเพิ่มความน่าสนใจในตลาด ทางคณะทำงานโครงการได้วางแผนเตรียมความพร้อมจัดกิจกรรมดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยีการย้อมและทอผ้าทอพื้นถิ่น Soft Power บ้านหนองสังข์ ในวันที่ 9-10 ตุลาคม พ.ศ.2568 และวันที่ 13-14 ตุลาคม พ.ศ. 2568 ณ ที่ทำการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านหนองสังข์ หมู่1 บ้านหนองสังข์ ต.หนองสังข์ อ.นาแก จ.นครพนม โดยมีรายละเอียดการดำเนินงาน ดังนี้


เมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2568 ทางทีมงานโครงการได้ลงพื้นที่ประสานงานปรึกษาหารือการจัดกิจกรรมย่อยคือ 2.3 ดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยีการย้อมและทอผ้าทอพื้นถิ่น Soft Power บ้านหนองสงสังข์ โดยใช้ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม และปรึกษาหารือเบื้องต้นการยื่นขอรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (ผมช.) เพื่อดำเนินการจัดเตรียมเอกสารทำการยื่นในครั้งถัดไป ณ ที่ทำการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านหนองสังข์ หมู่1 บ้านหนองสังข์ ต.หนองสังข์ อ.นาแก จ.นครพนม 

เมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ.2568 ทางทีมงานนำทีมโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กัญลยา มิขะมา ผศ.ดร. กิตติ์ธนัตถ์ ญาณพิสิษฐ์ และคณะทีมงานโครงการฯ ประชุมปรึกษาหารือเรื่องการคัดเลือกลายผ้า และราวมออกแบบหลักสูตรการฝึกอบรม เรื่อง การออกแบบหลักสูตรการอบรมร่วมกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านหนองสังข์ หมู่ 1 เพื่อนำไปจัดในกิจกรรมการดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยีการย้อมและทอผ้าทอพื้นถิ่น Soft Power ต่อไป

ช่วงบ่ายเป็นการร่วมหารือการยกระดับผ้าทออัตลักษณ์เพื่อการยกระดับสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มโดยการให้ความเห็นจากพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม และ ผู้แทนจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)



รายงานโดย นายธีรพล คำขึ้น วันที่รายงาน 30/09/2568 [20584]
69100 40
4 [19653]

วันที่ 16 มิถุนายน 2568 (วันที่ 2 ของกิจกรรมผู้เข้าร่วม 23 คน) ทีมวิทยากรกระบวนการได้กำหนดโจทย์ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรม กิจกรรมหลักที่ 2. ยกระดับการย้อมและทอผ้าทอพื้นถิ่น และกิจกรรมหลักที่ 3 ยกระดับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นถิ่น ดำเนินกิจกรรมในชื่อ (5) กิจกรรม “จะทำฝันให้เป็นจริงได้อย่างไร” ซึ่งได้นำมาจาก ประเด็นการส่งเสริมที่สามารถนำมาส่งเสริมได้จริงในระยะเวลา 1 ปี ได้ผลดังนี้
กิจกรรมย่อย 2.1 ยกระดับการย้อมและทอผ้าทอพื้นถิ่น Soft Power บ้านหนองสงสังข์ตามแนวมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน(ผมช.) หรือมาตรฐานชุมชนที่เกี่ยวข้อง และความต้องการของตลาดผู้บริโภค โดยการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม วทน.

• ด้านการผลิต มีแนวทางพัฒนาหลัก 3 ประเด็น ได้แก่
1. การพัฒนาผ้าขิดลายจกหีแข่ เพื่อรักษาเอกลักษณ์และเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์
2. การพัฒนาผ้าฝ้ายมัดหมี่ โดยเน้นคุณภาพและความหลากหลายของลวดลาย
3. การพัฒนาผ้าจ่องเอื้อซึ่งเป็นผ้าพื้นถิ่นสำคัญ เพื่อส่งเสริมการผลิตและเพิ่มความน่าสนใจในตลาด
กิจกรรมย่อย 3.1 ยกระดับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นถิ่น Soft Power บ้านหนองสังข์ ให้มีความเป็นสากล หรือทันสมัยบนพื้นฐานของความต้องการของตลาดผู้บริโภค โดยใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ให้มีความเป็นสากล หรือทันสมัย
• ด้านการแปรรูปและการตลาด มีแนวทางพัฒนาที่สำคัญ 4 ประเด็น ได้แก่
1. เสื้อผ้าสำเร็จรูป เพื่อการผลิตเสื้อผ้าจากผ้าทอพื้นถิ่นที่พร้อมใช้งาน ช่วยขยายกลุ่มลูกค้าและตอบโจทย์ตลาดแฟชั่นทันสมัย
2. กิ๊ฟช็อป เพื่อสร้างสรรค์สินค้าของที่ระลึกหรือของใช้ขนาดเล็กจากผ้าทอ เพื่อเพิ่มช่องทางรายได้และกระจายสินค้าให้เข้าถึงลูกค้าหลากหลายกลุ่ม
3. ผ้าพื้น เพื่อพัฒนาผ้าทอในรูปแบบผ้าพื้นสำหรับใช้งานทั่วไป เช่น ผ้าคลุมโต๊ะ ผ้าม่าน หรือของตกแต่งบ้าน เพื่อเพิ่มทางเลือกการใช้งานและเพิ่มมูลค่า
4. บรรจุภัณฑ์สำหรับบรรจุผลิตภัณฑ์ เพื่อออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สะท้อนเอกลักษณ์ท้องถิ่นและช่วยรักษาคุณภาพสินค้า เพิ่มความน่าสนใจและสร้างความแตกต่างในตลาด

 (6) กิจกรรมให้กลุ่มวิสาหกิจระดมสมองเขียนเป้าหมายและผลลัพธ์ที่ประสงค์พัฒนา นำไปสู่กิจกรรมสุดท้าย ได้ผลดังนี้
 ด้านการผลิตสินค้าประสงค์จะพัฒนาประกอบด้วย ผ้าขิดลายจกหีแข่ ผ้าฝ้ายมัดหมี่ และผ้าจ่องเอื้อ เป็นผ้าทอพื้นถิ่นที่มีเอกลักษณ์และสะท้อนภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ร่วมสมัยโดยรักษาลวดลายและเทคนิคดั้งเดิม พร้อมออกแบบลวดลายใหม่ที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ชุมชน ใช้สีธรรมชาติที่ปลอดภัยและคงทน รวมถึงพัฒนาหลักสูตรมัดย้อมและทอผ้าเพื่อต่อยอดความรู้และทดสอบตลาดเบื้องต้น ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมภูมิปัญญา เพิ่มมูลค่า และสร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน
ด้านการแปรรูปและการตลาดสินค้าประสงค์จะพัฒนาประกอบด้วยเสื้อผ้าสำเร็จรูป กิ๊ฟช็อป ผลิตภัณฑ์ผ้าพื้น และบรรจุภัณฑ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผสมผสานผ้าทอพื้นถิ่นกับแฟชันร่วมสมัย สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่แปลกใหม่และสะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น รวมถึงออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้จริงและบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสินค้า พร้อมทั้งสะท้อนภาพลักษณ์ของชุมชน ผลลัพธ์ที่คาดหวังคือได้ต้นแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์อย่างน้อย 1 รายการต่อประเภท พร้อมทดสอบตลาดเบื้องต้น เพื่อเพิ่มมูลค่าและขยายตลาดให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน

(7) กิจกรรมระดมสมองการวางกลยุทธ์ในการสร้างความแตกต่าง ได้ผลดังนี้
ด้านการผลิตสินค้าผ้าทอพื้นถิ่น ได้แก่ ผ้าขิดลายจกหีแข่ ผ้าฝ้ายมัดหมี่ และผ้าจ่องเอื้อ มีคู่แข่งหลักในภูมิภาคและกลุ่มลูกค้าหลักเป็นข้าราชการวัยทำงานและผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อมั่นคง โดยสินค้าส่วนใหญ่ใช้ในโอกาสสำคัญและชุดทางการเพื่อสะท้อนสถานะทางสังคม การสร้างความแตกต่างเน้นที่การพัฒนาลวดลายใหม่และสีธรรมชาติคุณภาพสูง ป้องกันการลอกเลียนแบบด้วยการจดลิขสิทธิ์ รวมถึงส่งเสริมการถ่ายทอดภูมิปัญญาและสร้างเครือข่ายความร่วมมือในชุมชน พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่และตลาดแฟชั่นอย่างยั่งยืน
ด้านการแปรรูปและการตลาดสินค้าผลิตภัณฑ์กลุ่มเสื้อผ้าสำเร็จรูป กิ๊ฟช็อป ผ้าพื้นผืน และบรรจุภัณฑ์ มีคู่แข่งหลักในพื้นที่ เช่น ไทพิมาน และนาแกคาร์ฟ โดยกลุ่มลูกค้าหลักประกอบด้วยข้าราชการ ประชาชนทั่วไป ผู้สูงอายุ และคนรุ่นใหม่แต่ละกลุ่มมีความต้องการและพฤติกรรมซื้อแตกต่างกัน การสร้างความแตกต่างเน้นที่การนำเสนอเรื่องราวและความเป็นมาของผ้า ใช้คนในชุมชนเป็นนางแบบ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและสร้างภาพลักษณ์ พร้อมออกแบบสินค้าผสมผสานแฟชั่นร่วมสมัย รวมถึงการตั้งราคาย่อมเยาและส่งเสริมการขายด้วยโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อและขยายฐานลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
 



รายงานโดย นายธีรพล คำขึ้น วันที่รายงาน 25/07/2568 [19653]
0 23
4 [19652]

วันที่ 15 มิถุนายน 2568 มีผู้เข้าร่วม 32 คน ซึ่งมีรายละเอียดกิจกรรม ดังนี้
กิจกรรมหลัก 1.พัฒนาอัตลักษณ์การย้อมและการทอผ้าทอพื้นถิ่น โดยดำเนินการใน กิจกรรมย่อยคือ 1.1 จัดเวทีระดมสมอง ทบทวน และถอดองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นว่าด้วยอัตลักษณ์ผ้าทอพื้นถิ่นของบ้านหนองสังข์ ที่สามารถนำมาบูรณาการเป็น Soft Power ภายใต้ (1) กิจกรรม “ผ้าหนองสังข์ของเราวันนี้” เพื่อวิเคราะห์ ศักยภาพ ข้อจำกัด และความภูมิใจ ในด้านการทอและการย้อม รวมทั้งด้านการแปรรูปและการตลาด ของกลุ่มทอผ้าบ้านหนองสังข์ มีผลการดำเนินกิจกรรม ดังนี้
วิสาหกิจชุมชนมีศักยภาพด้านการทอผ้าและย้อมสีธรรมชาติที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมสืบทอดลวดลายจากผ้าห่อคัมภีร์โบราณซึ่งสะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น แม้กระบวนการผลิตจะต้องใช้แรงงานฝีมือและมีความไม่แน่นอนจากวัตถุดิบธรรมชาติ แต่ชุมชนก็ภาคภูมิใจที่สามารถสร้างรายได้เสริมควบคู่ไปกับการรักษาวัฒนธรรม ส่วนด้านการแปรรูปและการตลาด ชุมชนมีจุดเด่นเรื่องความร่วมมือและผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ แต่ยังขาดความหลากหลายของสินค้าและทักษะด้านการตลาดสมัยใหม่

 

(2) กิจกรรม“ผ้าหนองสังข์ในฝัน”มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นวิสาหกิจอยากพัฒนาการทอและการย้อมรวมถึงการแปรรูปและการตลาด ได้ผลดังนี้
การพัฒนาผ้าทอชุมชนควรเริ่มจากการผลิต โดยพัฒนาลวดลายให้ทันสมัยและเพิ่มความประณีต เพื่อรักษาภูมิปัญญาและเพิ่มมูลค่า ควบคู่กับการปรับปรุงอุปกรณ์และยกระดับคุณภาพการย้อมสีธรรมชาติ ส่วนด้านการแปรรูปและการตลาด เน้นจุดขายจากเอกลักษณ์ท้องถิ่น ขยายตลาดส่งออก สร้างผลิตภัณฑ์หลากหลาย และใช้ตลาดออนไลน์เข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น ทั้งในและต่างประเทศ

 

(3) กิจกรรม“ฝันใดใหญ่กว่า” เพื่อหาแนวทางการส่งเสริมการทอผ้า ได้ผลดังนี้
สรุปผลกิจกรรม “ฝันใดใหญ่กว่า” จากการลงคะแนนด้วยหนังยาง พบว่าชุมชนให้ความสำคัญกับแนวทางพัฒนาผ้าทอหนองสังข์ทั้งในด้านการผลิต และด้านการแปรรูปและการตลาด โดยเรียงลำดับคะแนนจากมากไปน้อย ดังนี้
ด้านที่ 1: การผลิต
1. พัฒนาลวดลายใหม่และความหลากหลายลวดลายให้ตรงความต้องการตลาด – 149 คะแนน
2. พัฒนาการทอให้มีความประณีตสู่คนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ – 105 คะแนน
3. พัฒนาอุปกรณ์การย้อมให้ทันสมัย ใช้งานง่าย เหมาะกับชุมชน – 93 คะแนน
4. พัฒนาการย้อมเส้นฝ้ายจากสีธรรมชาติให้มีคุณภาพมากขึ้น – 92 คะแนน
ด้านที่ 2: การแปรรูปและการตลาด
1. พัฒนาการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ โดยใช้เอกลักษณ์ของท้องถิ่นเป็นจุดขาย – 137 คะแนน
2. พัฒนาการตลาดส่งออก – 127 คะแนน
3. พัฒนาความหลากหลายของผลิตภัณฑ์แปรรูปให้ตรงกับตลาด – 107 คะแนน
4. พัฒนาการตลาดดิจิทัลและออนไลน์เพื่อเข้าถึงลูกค้าที่หลากหลาย – 88 คะแนน

สรุปภาพรวม
แนวทางที่ได้รับคะแนนสูงสุดคือ การพัฒนาลวดลายใหม่ให้หลากหลายตรงกับตลาด (149 คะแนน) แสดงให้เห็นว่าชุมชนให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับความต้องการผู้บริโภค ขณะเดียวกันก็ไม่ละเลยการตลาดและการใช้เอกลักษณ์ท้องถิ่นเป็นจุดขายเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า โดยรวมแสดงถึงแนวโน้มการพัฒนาอย่างสมดุลทั้งด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์และการขยายตลาด
 

4) กิจกรรมทีมวิทยากรกระบวนการได้กำหนดโจทย์ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมร่วมกันหาคำตอบ ภายใต้โจทย์ “ฝันใดที่เป็นไปได้ภายใน 1 ปี” เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้และกำหนดเป้าหมายในการส่งเสริมการทอผ้า ได้ผลดังนี้ประเด็นที่ชุมชนเห็นว่าสามารถดำเนินการได้จริงภายในระยะเวลา 1 ปี ได้แก่ การพัฒนาลวดลายใหม่ให้ทันสมัยและหลากหลาย การถ่ายทอดและพัฒนาการทอให้ประณีตสู่คนรุ่นเก่าและใหม่ การย้อมเส้นฝ้ายสีธรรมชาติให้มีคุณภาพสูงขึ้น รวมถึงการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ที่ใช้เอกลักษณ์ท้องถิ่นเป็นจุดขาย การสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์แปรรูป และการพัฒนาทักษะการตลาดดิจิทัลเพื่อเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น ส่วนประเด็นที่ยังไม่สามารถทำได้ใน 1 ปี คือ การพัฒนาอุปกรณ์การย้อมที่ทันสมัย เนื่องจากต้องใช้งบประมาณสูงและเวลาวิจัยนาน และการพัฒนาการตลาดส่งออกที่ต้องอาศัยเวลาสร้างมาตรฐานและทดสอบตลาดอย่างต่อเนื่อง
 



รายงานโดย นายธีรพล คำขึ้น วันที่รายงาน 25/07/2568 [19652]
0 32
4 [19651]

สรุปจาก กิจกรรมย่อย 1.1 จัดเวทีระดมสมอง ทบทวน และถอดองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นว่าด้วยอัตลักษณ์ผ้าทอพื้นถิ่นของบ้านหนองสังข์ ที่สามารถนำมาบูรณาการเป็น Soft Power ทำให้ทราบถึงศักยภาพ ข้อจำกัด และความภูมิใจ ในด้านการทอและการย้อม รวมทั้งด้านการแปรรูปและการตลาด ของกลุ่มทอผ้าบ้านหนองสังข์นั้น

จากนั้นนำมาจัดกิจกรรมย่อย 2.1 ยกระดับการย้อมและทอผ้าทอพื้นถิ่น Soft Power บ้านหนองสังข์ตามแนวมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน(ผมช.) หรือมาตรฐานชุมชนที่เกี่ยวข้อง และความต้องการของตลาดผู้บริโภค โดยการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม วทน. ก็ได้ประเด็นความต้องการของกลุ่ม คือ 1. การย้อมและการทอ 1.1) พัฒนาลวดลายใหม่และความหลากหลายลวดลายให้ตรงความต้องการตลาด เนื่องจากลวดลายที่ทันสมัยและหลากหลายสามารถสร้างแรงจูงใจให้กลุ่มเป้าหมายใหม่และเกิดความสนใจในผลิตภัณฑ์ 1.2) พัฒนาการทอให้มีความประณีตสู่คนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ เนื่องจาก เพื่อรักษาและสืบทอดภูมิปัญญาดั้งเดิมให้คงอยู่ เพิ่มคุณภาพและมูลค่าของผลิตภัณฑ์ผ้าทอ และช่วยให้คนรุ่นใหม่มีทักษะและความรู้ที่สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้ 1.3) พัฒนาการย้อมเส้นฝ้ายที่ได้จากสีธรรมชาติให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจาก จะช่วยให้สีติดทนนาน ไม่ซีดจางง่าย เพิ่มความน่าเชื่อถือและมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ และยังตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

และกิจกรรมย่อย3.1 ยกระดับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นถิ่น Soft Power บ้านหนองสังข์ ให้มีความเป็นสากล หรือทันสมัยบนพื้นฐานของความต้องการของตลาดผู้บริโภค โดยใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ให้มีความเป็นสากล หรือทันสมัยได้ประเด็นความต้องการของกลุ่ม คือ 2.การแปรรูปและการตลาด 2.1) พัฒนาการแปรรูป และบรรจุภัณฑ์ที่ใช้เอกลักษณ์ของท้องถิ่นเป็นจุดขาย เนื่องจากจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ สร้างความแตกต่างจากสินค้าทั่วไปในตลาด และทำให้ผู้บริโภครับรู้ถึงความเป็นเอกลักษณ์และเรื่องราวเบื้องหลังสินค้า ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ชุมชน 2.2) พัฒนาความหลากหลายของผลิตภัณฑ์แปรรูปให้ตรงความต้องการของตลาด  เนื่องจากผู้บริโภคมีความชอบและพฤติกรรมที่หลากหลาย การมีสินค้าหลายรูปแบบช่วยเพิ่มทางเลือก ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน เพิ่มโอกาสในการขาย สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า2.3) พัฒนาการตลาดดิจิทัล-ตลาดออนไลน์ (Digital-Online) เพื่อเข้าถึงลูกค้าที่หลากหลาย  เนื่องจาก ต้องการเข้าถึงลูกค้าที่หลากหลาย เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันเปลี่ยนไปนิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น การตลาดออนไลน์ช่วยให้สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้รวดเร็วและตรงกลุ่มเป้าหมาย ขยายฐานลูกค้าได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ลดต้นทุนในการประชาสัมพันธ์ และเพิ่มโอกาสในการขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง จึงได้นำประเด็นดังกล่าวมาแนวทางการพัฒนา ดังนี้

·      ด้านการผลิต มีแนวทางพัฒนาหลัก 3 ประเด็น ได้แก่

1.การพัฒนาผ้าขิดลายจกหีแข่ เพื่อรักษาเอกลักษณ์และเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์

2.การพัฒนาผ้าฝ้ายมัดหมี่ โดยเน้นคุณภาพและความหลากหลายของลวดลาย

3.การพัฒนาผ้าจ่องเอื้อซึ่งเป็นผ้าพื้นถิ่นสำคัญ เพื่อส่งเสริมการผลิตและเพิ่มความน่าสนใจในตลาด

 

·      ด้านการแปรรูปและการตลาด มีแนวทางพัฒนาที่สำคัญ 4 ประเด็น ได้แก่

1.เสื้อผ้าสำเร็จรูป เพื่อการผลิตเสื้อผ้าจากผ้าทอพื้นถิ่นที่พร้อมใช้งาน ช่วยขยายกลุ่มลูกค้าและตอบโจทย์ตลาดแฟชั่นทันสมัย

2.กิ๊ฟช็อป เพื่อสร้างสรรค์สินค้าของที่ระลึกหรือของใช้ขนาดเล็กจากผ้าทอ เพื่อเพิ่มช่องทางรายได้และกระจายสินค้าให้เข้าถึงลูกค้าหลากหลายกลุ่ม

3.ผ้าพื้น เพื่อพัฒนาผ้าทอในรูปแบบผ้าพื้นสำหรับใช้งานทั่วไป เช่น ผ้าคลุมโต๊ะ ผ้าม่าน หรือของตกแต่งบ้าน เพื่อเพิ่มทางเลือกการใช้งานและเพิ่มมูลค่า

4.บรรจุภัณฑ์สำหรับบรรจุผลิตภัณฑ์ เพื่อออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สะท้อนเอกลักษณ์ท้องถิ่นและช่วยรักษาคุณภาพสินค้า เพิ่มความน่าสนใจและสร้างความแตกต่างในตลาด

จากการจัดกิจกรรมดังกล่าวร่วมกับการนำองค์ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาให้คำแนะนำเทคนิคการย้อมและการทอผ้า รวมทั้งการแปรรูปและการตลาด ทำให้ได้แนวทางการพัฒนาซึ่งสามารถนำมาบูรณาการเป็น Soft Power  เพื่อที่จะสามารถนำไปพัฒนาให้ตอบโจทย์ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ทำให้กลุ่มมีรายได้มากขึ้นและมั่นคง



รายงานโดย นายธีรพล คำขึ้น วันที่รายงาน 25/07/2568 [19651]
69000 32